วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

การดำเนินงานบริการยืมคืนระหว่างห้องสมุด
             ความหมายของการดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

      การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด  เป็นบริการที่มีการจัดระบบการดำเนินงานเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือกันในการให้บริการยืมระหว่างห้องสมุดแก่ผู้ใช้  โดยจะมีคณะกรรมการทำงานกลางทำการควบคุมการดำเนินงาน ปรับปรุง และพัฒนาบริการยืมระหว่างห้องสมุด  ก่อให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน ทำให้เกิดการดำเนินงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น  ซึ่งการดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด มีดังต่อไปนี้

  • การจัดทำคู่มือ
-เพื่อให้แต่ละห้องสมุดทราบถึงหลักปฏิบัติในการใช้บริการยืมระหว่างห้องสมุดภายในเครือข่าย ก่อ

  • การกำหนดมาตรฐานร่วมกัน
-เป็นการกำหนดมาตรฐานของห้องสมุดในเครือข่ายร่วมกัน  เพื่อให้เกิดการให้บริการผู้ใช้ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีการใช้ข้อตกลงร่วมกันสำหรับห้องสมุดที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันทั้งหมด  ก่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วต่อการให้บริการผู้ใช้ที่มาใช้บริการยืมระหว่างห้องสมุด

  • การกำหนดรูปแบบการดำเนินงานการประสานงาน
-เป็นการกำหนดนโยบาย สิทธิพิเศษของแต่ละห้องสมุด รวมถึงวิธีการยืมระหว่างห้องสมุดเป็นสิ่งที่แต่ละห้องสมุดเป็นผู้กำหนดนโยบายพิเศษของวิธีการยืมระหว่างห้องสมุดในการให้บริการยืมทรัพยากรสารสนเทศที่มีอยู่ในห้องสมุดว่ามีข้อจำกัดในการให้บริการยืมมากน้อยเพียงใด

            การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุดเป็นขั้นตอนหนึ่งในการให้บริการยืมระหว่างห้องสมุด ซึ่งจะมีคณะกรรมการควบคุมการพัฒนา ปรับปรุงและการดำเนินงานในห้องสมุดด้วย โดยการดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุดนี้มีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
         1. มีการจัดทำคู่มือ ใช้เป็นหลักและแนวทางในการปฏิบัติงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน และมีความเท่าเทียมกัน
         2. มีการกำหนดมาตราฐานร่วมกันระหว่างสถาบัน/ห้องสมุด ทำให้การดำเนินงานให้บริการยืมระหว่างห้องสมุดมีแบบแผนเดียวกัน สามารถช่วยลดการเกิดความผิดพลาดจากการดำเนินงานได้
         3. มีการกำหนดรูปแบบการดำเนินงาน/การประสานงาน ช่วยให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังทำให้ลดปัญหาความผิดพลาดได้อีกด้วย

 การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด 
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
            1. การดำเนินงานด้วยระบบมือ (Non-automated ILL)  ดำเนินด้วยตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อทางไปรษณีย์ ทางอีเมล หรือทางโทรศัพท์ ซึ่งนอกจากจะทำให้การทำงานมีหลายขั้นตอนและเกิดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินงานมากขึ้นแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดหรือความคลาดเคลื่อนในการดำเนินงานต่างๆในระบบได้อีกด้วย ฉะนั้นจึงควรที่จะ
- กำหนดมาตราฐานในการปฎิบัติงานเพื่อให้การทำงานเป็นมาตราฐานเดียวกัน โดยมีการใช้รายการบรรณานุกรมและรายการอ้างอิงในการช่วยค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้
- มีการใช้แบบฟอร์ม (Manual request) แบบเดียวกันเพื่อช่วยให้การกรอกข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ และมีข้อมูลที่สำคัญอย่างครบถ้วน เนื่องจากการได้มาซึ่งข้อมูลที่ดี ถุกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์นั้นจะสามารถช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถที่จะค้นหาและเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
            2. การดำเนินงานในระบบอัตโนมัติ (Automated ILL)  เป็นรุปแบบที่ผู้ใช้บริการสามารถค้นได้ในระบบออนไลน์อัตโนมัติผ่านระบบเครือข่าย
- โดยสามารถสืบค้นไปยังฐานข้อมูลของสถาบันทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ ทำให้สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
- สามารถทำการยืมได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้ทราบได้ว่าแต่ละสถาบันมีสทรัพยากรสารสนเทศใดบ้าง ทำให้ง่ายและสะดวกรวดเร็วในการยืม นอกจากนี้ทางสถาบันที่ทำการยืมยังสามารถตัดสินใจในการเลือกว่าจะยืมจากสถาบันที่ไหนได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งควรจะเลือกสถาบันที่ใกล้ที่สุด มีบริการที่ดี รวดเร็ว และก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด

การคิดค่าบริการของบริการยืมระหว่างห้องสมุด มีดังนี้
  • การคิดค่าบริการผู้ใช้
-ในการให้บริการผู้ใช้ควรมีการคิดค่าบริการ ทั้งนี้ อย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะมารับรายการที่ยืมไว้แน่นอน และผู้ใช้ก็มั่นใจว่าสถาบันจะต้องดำเนินการให้อย่างแน่นอน
  • การคิดค่าบริการพิเศษบางประเภท
-โดยปกติจะมีการคิดค่าบริการสำหรับบริการพิเศษบางอย่างอยู่แล้ว เช่น ค่าใช้บริการค้นข้อมูลออนไลน์ ค่าค้นฐานข้อมูล เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้ ค่าไปรษณีย์ ค่าประกันความเสียหาย ค่าบริการจากสถาบันผู้ให้ยืม ค่าถ่ายเอกสาร เป็นต้น ถ้าหากเกิดความผิดพลาดสถาบันควรมีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ใช้

การจัดส่งเอกสาร มีวิธีการดังนี้
-ไปรษณีย์
-บริการส่งพัสดุ
-บริการรับส่งเอกสาร (Courier Service)
-จัดส่งเอกสาร
-ส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Delivery [ARIEL]) CD-ROM , Laser Disk , เทคโนโลยี Electronic Image Transfer ช่วยให้สามารถจัดส่งข้อมูลไปยังเทอร์มินอลของผู้รับได้ ทั้งนี้ ในการจัดส่งข้อมูลนั้นควรคำนึงถึงจริยธรรมและความถูกต้องทางกฎหมายด้วย



การบรรจุหีบห่อและการจัดส่ง
-การบรรจุหีบห่อทรัพยากรสารสนเทศที่ถูกยืมต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากความเสียหายอาจเกิดขึ้นได้ภายใต้สภาวะการณ์ต่างๆ เช่น ฝนตก ความร้อน ความชื้น หรือความเสียหายอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในระบบเครือข่าย สำหรับวัสดุที่ใช้บรรจุทรัพยากรสารสนเทศบางอย่าง เช่น บทความ หรือ หนังสือเล่มบาง อาจบรรจุลงในซองกระดาษ แต่หากเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ควรหุ้มปกพลาสติกกันกระแทก หากเป็นหนังสือเล่มใหญ่ หรือบทความหลายๆ บทความอาจต้องใช้กล่องที่มีความแข็งแรงและอาจทำการรับประกันความเสียหาย ในการจัดส่งรูปแบบดั้งเดิมที่นิยมใช้กัน คือ การจัดส่งทางไปรษณีย์
       
การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร ควรมีการดำเนินการดังต่อไปนี้

  • แจ้งผู้ขอทันที
-เป็นการแจ้งให้ทราบว่าผู้ใช้ได้รับเอกสารที่ทางสถาบันผู้ให้ยืมจัดส่งให้

  • จัดการให้มีการส่งคืนตามกำหนด
-หลังจากที่ผู้ใช้ได้ใช้งานทรัพยากรสารสนเทศที่ตนได้ยืมเสร็จแล้วก็ต้องมีการส่งคืนตามระยะเวลาที่สถาบันผู้ให้ยืมได้กำหนดไว้ เพื่อให้ทรัพยากรสารสนเทศนั้นเกิดการเปลี่ยนมือไปยังผู้ใช้รายอื่น

  • หากเป็นบทความ หรือเอกสารที่มีการสำเนาไว้เป็นชุด เป็นของผู้ขอใช้ ไม่ต้องส่งกลับคืนให้แก่ห้องสมุด


                                   ข้อที่ควรคำนึงด้านจริยธรรมและกฏหมาย 

ผู้ให้บริการยืมระหว่างห้องสมุดควรที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานทางด้านกฏหมายด้านลิขสิทธิ์ เนื่องจากในการยืมระหว่างสถาบันเป็นบริการที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธิ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังต้องมีการทำสำเนาบทความจากหนังสือ วารสาร วัสดุย่อส่วน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และวัสดุสถาบันอื่นๆ  ซึ่งในการคัดลอกหรือทำสำเนางานของผู้อื่น แม้ในบางเรื่องจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ควรจะคำนึงถึงจริยธรรมในการคัดลอกงานของผู้อื่นด้วยเป็นสำคัญ ดังนั้น จึงควรทำการขออนุญาตเจ้าของผลงานก่อน เพื่อถือเป็นการให้เกียรติเจ้าของผลงานและเป็นการป้องกันการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ อีกทั้งควรจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับสิทธิในการทำสำเนา โดยอาจติดไว้ที่บริเวณเคาน์เตอร์ยืมคืน หรือที่บริการยืมระหว่างสถาบันนั่นเอง



พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
-มาตรา 27
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
1 ทำซ้ำหรือดัดแปลง
2 เผยแพร่ต่อสาธารณชน
-มาตรา 69
ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 หรือ มาตรา 52 ต้องระวางโทษปรับบตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ความหมายของลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์  หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์กระทำการใดๆ เกี่ยวกับงานที่ตนได้ทำขึ้น อันได้แก่ สิทธิที่จะทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำออกโฆษณา ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด รวมทั้งอนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปทำเช่นว่านั้น

กฏหมายลิขสิทธิ์ไทย
เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ศ.2537 กำหนดงานที่ได้รับความคุ้มครอง  ได้แก่ งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะของผู้สร้างสรรค์ ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด

เหตุผลที่กฎหมายให้ความคุ้มครองลิขสิทธิ์

เนื่องจาก ผู้เป็นเจ้าของสิขสิทธิ์เป็นผู้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้นมา โดยการสร้างสรรค์นั้นต้องใช้สติปัญญาและความสามารถ ผู้สร้างสรรค์จึงต้องได้รับความคุ้มครองจากการที่บุคคลอื่นจะนำงานนั้นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะหากไม่ให้ความคุ้มครองเสียแล้วย่อมทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการสร้างสรรค์งานใหม่ๆ

ขอบเขตคุ้มครองงานลิขสิทธิ์
เมื่อสร้างสรรค์งานแล้วได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ จึงต้องรับรู้สิทธิของผู้เป็นเจ้าของว่ามีขอบเขตคุ้มครองกว้างขวางมากเพียงใด โดยกฎหมายกำหนดสิทธิ์ไว้ดังต่อไปนี้
1ทำซ้ำหรือดัดแปลง
2เผยแพร่ต่อสาธารณชน
3ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง
4ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
5อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์ดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้
เจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำทั้ง 5 ข้อนี้ ผู้ใดที่ทำละเมิดสิทธิของเจ้าของงานซึ่งกฎหมายคุ้มครองไว้ จะต้องรับโทษอาญาและจ่ายค่าเสียหายทางแพ่งแก่เจ้าของงาน การคุ้มครองสิทธิในงานอันมีลิขสิทธิ์ช่วยส่งเสริมให้คนไทยมีกำลังใจในการสร้างสรรค์งานใหม่ มิใช่การคัดลอก ดัดแปลงงายของผู้อื่น กฎหมายจึงกำหนดบทลงโทษหนักและค่าปรับที่สูงมาก ซึ่งไม่คุ้มกับการเสียเวลาคัดลอกงานแล้วอ้างเป็นฝีมือของตน นอกจากนั้นยังเสียโอกาสในการแสดงฝีมือสร้างสรรค์งานของตัวเองไป การเป็นแค่เงาดำจะต้องอยู่ข้างหลังตัวตนแท้จริงเสมอ ถ้ามีฝีมือเก่งจริงต้องก้าวออกจากเงามืดแล้วปรากฏกายแสดงพลังแท้จริงให้ประจักษ์แก่สายตาของผู้อื่นเพื่อชื่นชมผลงานของตน
ระยะเวลาที่ให้ความคุ้มครองในกฎหมายลิขสิทธิ์
เดิมกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองเป็นระยะเวลา 50 ปี แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเพิ่มมาเป็นคุ้มครองขั้นต่ำเป็นเวลา 70 ปี หากเสียชีวิตลงแล้วสามารถคุ้มครองต่ออีกเป็นเวลา 20 ปี สำหรับในอเมริกาถ้าเป็นผลงานขององค์กรให้ระยะเวลาการคุ้มครองถึง 120 ปี



การละเมิดลิขสิทธิ์
-กฎหมายลิขสิทธิ์กำหนดพฤติกรรมใดว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์งานของผู้อื่นไว้ชัดเจน ได้แก่ การทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่งานต่อสาธารณชน ซึ่งงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นได้เพิ่มการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องรับโทษอาญาและจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของงานด้วย หากผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำการดังต่อไปนี้แก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ได้แก่
1ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ
2เผยแพร่ต่อสาธารณชน
3แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์
4นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร
การละเมิดนำงานลิขสิทธิ์ไปหากำไรโดยรู้หรือมีเหตุควรรู้ได้ จะใช้ลงโทษเจ้าของร้านค้า ผู้จัดการ ลูกจ้างที่รู้ชัดหรือมีเหตุควรรู้ว่ากำลังขาย เผยแพร่ นำเข้างานอันมีลิขสิทธิ์ ดังนั้น ร้าค้าใดขายแผ่นซีดีเพลงหรือภาพยนตร์ หนังสือ ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ที่ต้องได้รับโทษในดคีประเภทนี้ คือ เจ้าของร้าน ผู้จัดการ ลูกจ้างขายของ ซึ่งต้องรู้หรือควรรู้ว่ากำลังจำหน่ายงานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย พวกเขาจึงรับโทษอาญาหรือจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของงาน กรณีสำนักพิมพ์ผลิตหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น นอกจากนักเขียนที่ลอกหรือดัดแปลงงานนั้นต้องรับโทษอาญาแล้ว หากสำนักพิมพ์ทราบว่าผลิตงานโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของงานก่อน แล้วยังออกจำหน่ายอีก จะต้องรับโทษร่วมกับนักลอกด้วย ซึ่งการทำเพื่อเห็นแก่การค้าหากำไร ผู้กระทำจะรับโทษจำคุกสูงขึ้นและปรับมากขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้น การผลิตงานเผยแพร่จึงต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อมีการแจ้งเตือนให้พิจารณาว่าละเมิดงานลิขสิทธิ์ต้องรีบตรวจสอบทันทีและงดเผยแพร่งานเพื่อมิให้ต้องรับโทษอาญาร่วมกับนักคัดลอกด้วย แต่สำนักพิมพ์มิได้เสียสิทธิในการเรียกค่าเสียหายจากนักคัดลอกเหล่านั้น จะเป็นการปรามนักคัดลอกรุ่นต่อไปมให้ยึดเป็นเยี่ยงอย่างด้วยและลดความเสียหายของตนลงได้


สิทธิ์โดยธรรม (Fair use)
-มาตรา 33
การกล่าว คัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานบางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถ้าได้ปฏิบัติตามมาตรา 32 วรรคหนึ่ง
-อนุญาตให้ทำสำเนา งานที่มีลิขสิทธิ์ในจำนวนจำกัด เพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาและวิจัย
-การทำสำเนาเพื่อวัตถุประสงค์ใช้ในการวิจารณ์ รายงานข่าว ใช้ในการสอน (รวมถึงการทำสำเนาไว้หลายชุดเพื่อใช้ในห้องเรียน) งานวิชาการ หรืองานวิจัย ไม่ถือว่าละเมิดต่อกฎหมายลิขสิทธิ์ และไม่ต้องขออนุญาต
ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
-มาตรา 32
การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
-หลักการใช้งานลิขสิทธิ์โดยชอบธรรมซึ่งมีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นการเฉพาะตัว สามารถที่จะกระทำได้หากมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
2ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
3ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
4เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
5ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
6ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอนเพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
7ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
8นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ

ลิขสิทธิ์โดยธรรม ห้องสมุด พ.ศ.2537
-มาตรา 34
หลักการใช้งานลิขสิทธิ์โดยชอบธรรมด้วยการทำซ้ำ โดยบรรณารักษ์ของห้องสมุด ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ มิให้ถือว่าเป้นการละเมิดลิขสิทธิ์หากการทำซ้ำนั้นมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร ในกรณีดังต่อไปนี้
(1)การทำซ้ำเพื่อใช้ในห้องสมุดหรือให้แก่ห้องสมุดอื่น
(2)การทำซ้ำงานบางตอนตามสมควรให้แก่บุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิจัยหรือการศึกษา
จำนวนที่ทำซ้ำตามข้อ (1) และข้อ (2) ต้องไม่เกินจำนวนที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย

งานไม่มีลิขสิทธิ์
-กฎหมายลิขสิทธิ์กำหนดงานที่ถือว่าไม่มีลิขสิทธิ์ไว้ด้วย หมายความว่า ทุกคนสามารถนำชิ้นงานทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนรวมได้โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือจ่ายค่าตอบแทนก่อน อันได้แก่
1ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสารอันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
2รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
3ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือ หน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
4คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
5คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตามข้อ 1 ถึงข้อ 4 ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น