วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บริการจองและบริการหนังสือสำรอง

บริการจองและบริการหนังสือสำรอง

บริการจองหนังสือ
                หนังสือที่ผู้ใช้มีความต้องการใช้ที่มากในขณะที่จำนวนของหนังสือมีน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ของผู้ใช้บริการ หรืออาจเป็นหนังสือที่อาจารย์ประจำวิชานั้นๆต้องการให้นักศึกษาทุกคนได้อ่าน ห้องสมุดจึงได้ทำการจัดเตรียมหนังสือเหล่านั้นแยกเอาไว้ต่างหาก หรือได้จัดไว้เป็นหนังสือจอง โดยกำหนดระยะเวลาในการยืมหนังสือให้สั้นกว่าปกติ  เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนมีโอกาสยืมหนังสือเพื่อไปใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้ และเพื่อให้มีการหมุนเวียนการใช้งานได้อย่างทั่วถึง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถขอใช้บริการจองหนังสือได้ที่เคาน์เตอร์ยืม-คืน โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจดูหนังสือเล่มที่ต้องการจองได้จากหน้าจอ OPAC ซึ่ง หนังสือที่จะทำการจองได้นั้นต้องอยู่สถานภาพที่มีผู้ยืมออกไป นอกจากนี้ผู้ใช้ที่เป็นอาจารย์ ข้าราชการ และนักศึกษาบัณฑิตศึกษาก็สามารถที่จะใช้บริการขอจองผ่านระบบ OPAC ได้ด้วยตนเอง โดยห้องสมุดจะทำการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบกำหนดเวลามารับเอกสาร ซึ่งผู้ใช้จะต้องมารับเอกสารตามกำหนด มิฉะนั้นแล้วทางห้องสมุดจะให้สิทธิ์ผู้อื่นยืมต่อไปแทน



ในปัจจุบันได้มีการนำเอา IM (instant messaging) มาใช้ในงานบริการตอบคำถามและบริการช่วยค้นคว้าในสถาบันห้องสมุดด้วย ซึ่งเป็นระบบที่ใช้การสื่อสารผ่านทางการส่งข้อความถึงกัน อาจจะเป็นการสื่อสารระหว่างสองคนหรือเป็นกลุ่มคนในเครือข่ายเดียวกัน มีการเชื่อมโยงระหว่างกันผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต 



บริการหนังสือสำรอง
          บริการหนังสือสำรอง    เป็นบริการเสริมของบริการยืมคืน  เน้นบริการครูผู้สอน  และเปิดโอกาสสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบรรณารักษ์กับผู้สอน

  • ทรัพยากรสารสนเทศที่จำกัดระยะเวลาในการยืม  เช่น ยืมได้ 2 ชั่งโมงต่อคน  เมื่อหมดเวลาก็นำมาคืน  เพื่อให้ผู้อื่นได้ใช้ต่อไป
  • จัดให้บริการ  โดยมีบรรณารักษ์ให้บริการที่เคาเตอร์ยืมคืน
  • ส่วนใหญ่จะให้บริการภายในห้องสมุดเท่านั้น  ไม่สามารถยืมออกมานอกห้องสมุดได้
  • หากมีการอนุญาตให้ยืมนอกมานอกห้องสมุด  จะมีขั้นตอนการยืมปกติ  แต่ระยะเวลาในการยืมอาจจะแตกต่างออกไป  เช่นยืมได้ 3 วัน จากหนังสือปกติที่ยืมได้ 7 วัน
  • มีการจำกัดจำนวนเอกสารที่ให้ยืม

        






ความสำคัญของการบริการหนังสือสำรอง

  • บทบาทของการส่งเสริมการเรียนการสอน  ให้นักศึกษาได้ใช้ในการเรียนทำให้ได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น
  • นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้เท่าเทียมกัน  เพราะมีการกำหนดเวลาในการใช้ของแต่ละคนไว้อย่างแน่นอน
  • สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบรรณารักษ์กับผู้สอน  ให้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น
  • แสดงถึงคุณภาพของการบริการ  เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ห้องสมุด
  • นิยมให้บริการในห้องสมุดในระดับอุดมศึกษา  เพราะจะมีนักศึกษาและนักวิจัยมาใช้บริการเยอะ
  • มีการปรับเปลี่ยนในแต่ละเทอม  เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ใช้ในแต่ละเทอมที่มีการลงทะเบียนเรียน



การขอใช้บริการ
              ผู้ใช้สามารถเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ของห้องสมุดที่ต้องการจะสมัครสมาชิก  แล้วทำตามที่ห้องสมุดได้กำหนดแจ้งไว้ในหน้านั้นได้ กรณีไม่มีในห้องสมุดบรรณารักษ์ก็ต้องหามาให้บริการ  ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหา

การจัดเก็บ
  •  จัดเก็บตามหมายเลขกระบวนวิชา  ชื่อผู้สอน  มีการเรียงอีกครั้งตามชื่อเรื่อง  ชื่อผู้แต่ง
  • บทความ, แบบทดสอบ   การจัดเก็บจะอยู่ในรูปของการจัดเก็บในแฟ้ม  และทำการติดบาร์โค้ดไว้สำหรับการยืมออก
  • เอกสารที่มีการสแกน  ให้มีการจัดเก็บไว้บน OPAC และแจ้งแหล่งการจัดเก็บให้ผู้ใช้ทราบ  หรือมีการจัดทำรายชื่อแจ้งแยกไว้ให้สามารถถ่ายโอนได้ทันที

การจัดการเอกสาร  
  •  การจัดการเอกสาร  ต้องทำการประทับตรา  เช่น "ใช้ภายในห้องสมุดเท่านั้น"  "ใช้ภายในห้องนี้เท่านั้น"
  • จัดทำบัตรยืม  และจัดทำคำแนะนำให้ผู้ใช้ทราบ
  • ใช้สีแตกต่างกันในกรณีที่มีระยะเวลาในการให้ยืมที่ต่างกัน
  • ใส่ชื่อผู้สอนกระบวนวิชา  เพื่อง่ายต่อนักศึกษาและบรรณารักษ์ในการค้นหา   

ระยะเวลาในการให้ยืม
  • ยืมในห้องสมุด  ทั่วไปจะให้ยืมได้ 2 ชั่วโมงต่อคน  และจะไม่มีการให้ยืมต่อ
  • ยืมออกนอกห้องสมุดจะยืมได้ประมาณ  1-2 วัน หรือเฉพาะนอกเวลาทำการ  และนำมาคืนในเวลาที่กำหนด  และจะมีค่าปรับที่สูงในกรณีที่มีการส่งช้า  จะมีการคิดค่าปรับเป็นชั่วโมง
  • โดยทั่วๆไปแล้วระยะเวลาในการยืมต้องสั้นกว่าปกติ  เพื่อให้สามารถหมุนเวียนในกลุ่มผู้ใช้ได้อย่างทั่วถึง
  • มีการคิดค่าปรับในการส่งช้า  เช่น .50c ,$1-$3 (ในของต่างประเทศ)

การเข้าถึงทรัพยากรประเภทหนังสือสำรอง
  • โปรแกรมห้องสมุดจะมีงานหนังสือสำรองให้  
  • รายการที่มีการสำรองจะมีแจ้งการค้นหาให้ใน OPAC
  • มีการทำรายการแจ้งแยกเพื่อให้สามารถค้นหาได้ในรูปของสิ่งพิมพ์
  • มีการแจ้งผู้สอนถึงการจัดเก็บ  วิธีการจัดเก็บ   เพื่อผู้สอนจะได้แจ้งให้นักศึกษาทราบ  และห้องสมุดจะมีการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์อยู่เสมอ  การเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์แต่ละครั้งบรรณารักษ์ต้องตรวจสอบทุกครั้งว่ายังคงมีการบริการอยู่อย่างเดิมหรือไม่  และตรวจสอบการสะกดคำว่าผิดหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น